Q   

ช่วงนี้มีข่าวของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ออกมาค่อนข้างถี่ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจในการลงทุนผ่านกองทุนรวม จึงอยากทราบว่ากองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมแบบไหน แตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไป อย่างไร


 

 A   

ใช่แล้วค่ะ ช่วงนี้ข่าวของกองทุนรวมน้องใหม่ ที่มีชื่อว่า กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund) หรือมีชื่อย่อว่า กองทุนรวม LTF ออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งมีผู้ลงทุนให้ความสนใจสอบถามข้อมูลและรายละเอียด เข้ามาที่ศูนย์ข้อมูลกองทุนรวม สมาคมบริษัทจัดการลงทุนมิได้ขาด เท่าที่รับฟังมาเสน่ห์ของกองทุนรวม LTF ก็คงเป็นกองทุนรวมที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ได้ในจำนวนรวมกันไม่เกิน ร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษีนั้นๆ ทั้งนี้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 500,000 บาท แยกต่างหากเพียวๆ โดยไม่ต้องไปนับรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เหมือนอย่างกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (กองทุนรวม RMF) เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วมีผู้ลงทุนบางท่านถึง กับอุทานว่า “ลดหย่อนภาษีได้เยอะอย่างนี้เลยหรือ” ใช่แล้วค่ะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เยอะ แต่ต้องทำ ความเข้าใจก่อนว่า กองทุนรวม LTF เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นเท่านั้น คือ เป็นกองทุน รวมหุ้น ซึ่งจะนำเงินที่ระดม มาได้ไปลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประเภทเดียว ความเสี่ยง จากการลงทุน ในกองทุนรวม LTF จึงมีลักษณะเดียวกับการลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ผู้ลงทุนท่านใดที่มีความชื่นชอบ มีความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยง หรือสนใจการลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อยู่แล้ว กองทุนรวม LTF ก็เหมาะ สำหรับท่านค่ะ ส่วนผู้ลงทุนท่านใดที่อาจจะยังกล้าๆ กลัว กับการลงทุนในหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็อยากจะได้ สิทธิในการนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษี และสามารถถือหน่วยลงทุนไว้ใน ระยะยาวๆ เพื่อวัยเกษียณได้ ก็อาจจะ พิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนรวม RMF แทน เพราะสามารถนำเงินลงทุน ไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุนรวม RMF มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ตามความเหมาะสมของผู้ลงทุนแต่ละคน สำหรับคนที่สำรวจตัวเองแล้วคิดว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ เรามาดู กันว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนรวม LTF ที่เหมาะสมกับตัวท่านกันอย่างไร และมีเงื่อนไขในการลงทุนมากน้อย แค่ไหน

ประการแรก คือ เนื่องจากกองทุนรวม LTF เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั้งหมด ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องนำมา พิจารณา ก็คือ หลักทรัพย์ที่กองทุนนั้นๆ เน้นลงทุนตรงกับวัตถุประสงค์ของท่านหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น

ประการสอง คือ อาจจะพิจารณาการบริหารกองทุนหุ้นกองอื่นๆ ของบริษัทจัดการต่างๆ ในช่วงระยะเวลา ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้างทั้งในยามเศรษฐกิจดี และในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำย้อนหลังกลับไปสัก 1 ปี 3 ปี 5 ปี ซึ่งในเรื่องนี้ผู้ลงทุนสามารถดูได้จาก Fund Performance ที่ทางสมาคมจัดทำเผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.aimc.or.th/21_infostats_performance.php โดยเลือกดูกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดูความสามารถในอดีต ประกอบ แม้ว่าผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคตแต่ก็ พอจะนำมาเป็นแนวทางในการพิจารณาเลือกลงทุนส่วนหนึ่งได้ค่ะ

ประการสาม คือ การลงทุนในกองทุนรวม LTF เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ลงทุนต้องปฏิบัติตาม เงื่อนไขการลงทุนตามประกาศของกรมสรรพากรโดยเคร่งครัด ประเด็นหนึ่งได้แก่ จำนวนเงินที่สามารถนำไป ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การลงทุนเกินจากสิทธิที่ตัวเองได้รับ ส่วนที่เกินจะไม่ได้ รับสิทธิใดๆ เมื่อไหร่ที่ผู้ลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนส่วนนี้ หากมีกำไรจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% และยังต้อง นำกำไรที่ได้รับไปคำนวณรวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย

ประการสี่ คือ เมื่อซื้อแล้ว ผู้ลงทุนจะต้องถือหน่วยลงทุนต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน หากขายคืนก่อนกำหนด ผู้ลงทุนต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับมา พร้อมเงินเพิ่มและเสียภาษี เงินได้ (capital gain) ในส่วนของผลประโยชน์หรือกำไรที่เกิดขึ้นด้วย

ประการสุดท้าย ก็อยากจะฝากไว้ว่า ก่อนจะตัดสินใจซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF กรุณาอ่านหนังสือชี้ชวน และคู่มือภาษีให้ละเอียดจนเข้าใจ

กองทุนรวม LTF หรือ กองทุนรวม RMF ล้วนเป็นกองทุนรวมที่ส่งเสริมการสะสมเงินออมไว้ใช้จ่ายในระยะยาว หรือ เพื่ออนาคตวัยเกษียณ ซึ่งได้รับการสนับสนุนยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร แม้จะมีเงื่อนไขบ้าง แต่การลงทุนนี้เป็นความสมัครใจเพื่อตัวผู้ลงทุนเองค่ะ